บทที่ 8 กลิ่นนาง

อา... นางมีกลิ่นกายเช่นนี้ กลิ่นหอมจางๆ ที่ทำให้ใจสงบ

นางมีตัวตนอยู่ข้างเขา เสมือนสายลมที่โอบล้อม มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้

นางไม่เคยยิ้มให้เขา ไม่เคยหัวเราะ หรือแสดงความรู้สึกใดๆ ต่อหน้าเขาเลยสักนิด ผิดกับยามที่อยู่กับอู่เฉียง และคนอื่นๆ นางมักยิ้มและหัวเราะกับคนเหล่านั้น

แต่ไม่ใช่กับเขา

เหิงหยางเซิงนึกถึงเรื่องราวเมื่อแปดปีก่อน สัตว์ป่วยตัวเล็กๆ ที่ อู่เฉียงยอมอุ้มกลับมาเกาะเพลิงอัคนีนั้น มีอาการเหม่อลอยไม่พูดจา  เป็นเช่นนั้นแต่คืนนั้นแล้ว เขายอมให้อู่เฉียงเลี้ยงสัตว์บาดเจ็บอย่างนางเพียงเพื่อใช้นางเป็นเหยื่อล่อให้อู่เฉียงยอมทำตามคำสั่งอย่างไร้เงื่อนไข  อู่เฉียงเป็นนักฆ่าฝีมือดี สั่งงานครั้งใดไม่เคยพลาด แต่ความมุทะลุดุดันและไม่เสียดายชีวิตนั้นทำให้เขารำคาญใจ เขาสู้ฝึกคนเลี้ยงคนมาตั้งหลายปี สิ้นเปลืองไปมากกว่าจะได้ ‘นักฆ่า’ และ ‘องครักษ์’ ฝีมือดีขนาดนี้ หากทำอะไรบุ่มบ่ามก็จะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ โดยใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ การมี ‘บางสิ่ง’ ที่ทำให้คนผู้นั้นเป็นห่วง ทำให้ระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น เขาก็ยิ่งใช้ประโยชน์จากอู่เฉียงได้มากยิ่งเช่นกัน

‘หากเจ้ายังไม่ยอมพูดจา เห็นทีว่าการที่อู่เฉียงช่วยเจ้ามานั้นไร้ความหมาย และหากเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้อู่เฉียงทำงานให้ข้ามิได้ เช่นนั้นแล้วก็เปล่าประโยชน์ที่จะเก็บเขาไว้ คนที่ไร้ค่ารู้ไหมว่าจะเป็นเช่นไร...ข้าจะกำจัดมันทิ้งเช่นเดียวกับที่เคยทำให้คืนนั้น!’

เขาเห็นแววตาไหวระริกของนาง สัตว์ตัวเล็กนั้นเริ่มสั่นสะท้าน กะพริบตาปริบๆ ปากเล็กๆ อ้าขึ้นช้าๆ พยายามเปล่งเสียงสุดกำลัง นางกลัวว่าเขาจะฆ่าอู่เฉียง

กลิ่นกายของนางในอากาศจางไปแล้ว เขาพลิกตัวนอนคว่ำ จมูกสัมผัสผ้าปูที่นอนที่นางล้มตัวลงไปเมื่อครู่ กลิ่นนางยังติดอยู่ ชายหนุ่มเผลอสูดดมกลิ่นหอมจาง มือใหญ่ขยำผ้าปูที่นอนนั่น พลันแววตากลับมาดุร้ายเป็นประกายสีแดงดุจโลหิต หญิงงามนางบำเรอมากมายที่ปรนนับัติรับใช้รองรับอารมณ์ใคร่ของเขานั้น เขามักสัมผัสได้ถึงความสกปรกโสมมที่ซ่อนอยู่ ความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนเผลอบีบคอหญิงสาวแน่น จนกระทั้งได้ยินเสียงร้องขอชีวิตเขาจึงปล่อยมือจากลำคอนั่น

แม้เป็นหญิงงามแต่เมื่อความกลัวตายเข้ามาครอบครองสติ ทั้งร้องไห้ ทั้งปัสสาวะราด กี่ครั้งกี่คราวก็เป็นเช่นนี้ ซินหรานจึงจำเป็นต้องรับใช้ใกล้ชิดเขาเช่นกัน

ทว่าการจัดนางให้นอนในห้องเก็บของนั้น เขาย่อมรู้ดีอยู่เต็มอก เขาอยากรู้นัก ยามนางได้ยินเสียงครางกระเส่าที่ดังไปถึงห้องนั้น หญิงคนนั้นจะรู้สึกเช่นไร

แปดปีแล้ว นางไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆ อีกแล้ว บัดนี้นางอายุสิบหกปี ภายใต้เสื้อผ้าเนื้อหยาบนั้นมีผิวกายเนียนนุ่มซ่อนอยู่

ใช่! นางไม่ใช่สัตว์เล็กๆ ตัวนั้นอีกแล้ว!

อู่เฉียงเพิ่งได้รับมอบภารกิจลับงานชิ้นใหม่ เขาเดินออกมาจากห้องอักษรของจอมมารเหิงหยางเซิงด้วยท่าทีนิ่งสงบ ยากคาดเดาความคิดที่อยู่ภายใต้ใบหน้าเย็นชา ใครเลยจะคาดคิดว่าประมุขพรรคมารของพวกเขา นอกจากห้องฝึกวิทยายุทธแล้ว ยังชอบอยู่ในห้องอักษรราวกับเป็นบัณฑิตอย่างไรอย่างนั้น เขาเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของพรรคเพลิงอัคนี และเป็นองครักษ์ใกล้ชิดเหิงหยางเซิงที่สุด ทว่าสองปีมานี่เขาแทบไม่ได้อยู่คุ้มกันประมุขเลย มีเวลาอยู่ที่เกาะแห่งนี้แค่เดือนละไม่กี่วัน งานส่วนใหญ่ของเขากลับกลายเป็นงานที่ต้องทำนอกพื้นที่ทั้งสิ้น แม้วรยุทธ์ระดับท่านจอมมารจะไม่ต้องมีเขาเป็นองครักษ์ แต่กระนั้นเขาอดกังวลใจไม่ได้

เพราะเดินอย่างเหม่อลอย กว่าจะรู้ตัวเขามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังที่ลานซักล้างแล้ว ลมพัดแรง ผ้าที่ตากอยู่บนราวเชือกนั้นพลิ้วสะบัดไปมา เขามองเห็นร่างบอบบางที่กำลังตากผ้า ใบหน้าหมดจดแดงเรื่อ แขนเสื้อถูกม้วนขึ้นถึงข้อศอกทำให้เห็นท่อนแขนเรียวเล็ก ผมยาวถูกเกล้าขึ้นเป็นก้อนกลมๆ สองข้างบนศีรษะของนาง ทำให้มุมปากของเขากระตุกยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

นางคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กัน

ซินหรานเขย่งปลายเท้า ตากผ้าปูที่นอนรวมทั้งเครื่องนอนจนเรียบร้อยดี ลมแรงเหลือเกิน นางระบายลมหายใจออกทางปาก ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมใบหน้าของตน นางก้มลงหมายยกตะกร้าผ้าขึ้นแล้วเดินออกมา ทว่าลมที่พัดแรงนั้นทำให้ผ้าของนางปลิวออกจากราวตากผ้า หญิงสาวอ้าปากค้าง ทิ้งตะกร้าลงพื้นแล้วกระโดดคว้าผ้าไว้

“ผ้า! ผ้าของข้า!”

อู่เฉียงเห็นผ้าผืนนั้นปลิวลอยในอากาศ เขากระโดดราวเหาะเหินในอากาศ คว้าผ้าผืนนั้นไว้ให้นางได้ทันก่อนปลิวไปไกล

หญิงสาวยื่นมือไปรับผ้าผืนนั้นมาแล้วรีบเอาไปตากไว้เช่นเดิม ตรวจดูจนมั่นใจแล้วจึงหันมาทางชายหนุ่ม แต่พอเห็นสีหน้าบึ้งตึงแล้วนางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงมีเรื่องในใจเป็นแน่

“พี่อู่เฉียง” ซินหรานส่งยิ้มให้ “พี่จะไปทำภารกิจอีกแล้วใช่ไหม”

“ฮืม” อู่เฉียงแค่รับคำในลำคอเบา นางเองคงเริ่มชินแล้ว หรือเพราะการมีเขาอยู่หรือไม่มีมันค่าเท่ากัน

“ระหว่างที่พี่ไม่มีอยู่ ข้าจะค่อยๆ เย็บถุงมือให้พี่นะ พี่คงกลับมาก่อนที่ลมหนาวจะมาเยือน”

อู่เฉียงนึกถึงวันที่นางให้เขากางมือลงบนกระดาษ เขางุนงงแต่ทำตามอย่างไม่เอ่ยถาม จนกระทั่งนางหยิบพู่กันจุ่มหมึกวาดฝ่ามือที่วางบนกระดาษ เมื่อนางบอกว่าเสร็จแล้ว เขายกฝ่ามือออกเห็นเป็นรูปฝ่ามือของตนเอง นางให้วางมืออีกข้างและทำซ้ำเช่นเดิม

‘ข้าจะเย็บถุงมือให้พี่อู่เฉียงนะ’

แม้เขาไม่ขัดสนเงินทอง เงินรางวัลที่ได้รับมาล้วนเก็บไว้ให้นางทั้งสิ้น แต่ดูแล้วนางเองไม่ใคร่จะอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษ ความจริงแค่ซื้อถุงมือสักคู่สองคู่ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนอะไรนัก แต่พอได้ยินว่านางจะเย็บถุงมือให้เขาเอง ความรู้สึกอุ่นวาบเกิดขึ้นในอก เขาไม่กล้าปฏิเสธนาง อาจเรียกได้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัว เขาอยากได้ ‘ถุงมือ’ ที่นางเย็บให้เขา แม้จะเป็นเศษผ้าเหลือก็ตามที

“เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองให้ดี”

ซินหรานย่นจมูกใส่ “ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ”

“ฮืม เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว” โดยไม่รู้ตัว มือหยาบกระด้างยื่นไปแตะศีรษะของนางเบาๆ หญิงสาวยกมือขึ้นปัดมือใหญ่ออก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป